🔹 1. Traction Elevator – ระบบลวดสลิง: มาตรฐานสากลที่บ้านคุณไว้ใจได้

หลักการทำงาน:
ใช้มอเตอร์หมุนรอกดึงลวดสลิง (หรือสายพาน) เพื่อเคลื่อนลิฟต์ขึ้นลง คล้ายลิฟต์ในอาคารทั่วไป

ข้อดี:
✅ ให้การเคลื่อนที่ “ลื่นไหล เสถียร และปลอดภัย”
✅ ความเร็วสูงกว่าระบบอื่น เหมาะกับบ้าน 2–5 ชั้น
✅ เสียงเบาและประหยัดพลังงาน
✅ รองรับน้ำหนักผู้โดยสารได้มาก
✅ เทคโนโลยีมาตรฐาน ใช้แพร่หลายในอาคารทั่วโลก
✅ มีอะไหล่และช่างเทคนิคพร้อมบริการตลอดอายุการใช้งาน

ข้อจำกัด:

• ต้องการความสูงระยะหัว (Overhead) และหลุมเล็กน้อย (Pit)

• ต้องติดตั้งในโครงสร้างที่แข็งแรงพอรองรับระบบ

เหมาะสำหรับ: บ้านที่วางแผนติดลิฟต์ตั้งแต่เริ่มสร้าง หรือบ้านที่รีโนเวทพร้อมเสริมโครงสร้าง

🔹 2. Hydraulic Elevator – ระบบไฮดรอลิก: นุ่มเงียบ แต่ต้องดูแลระบบมากขึ้น

หลักการทำงาน:
ใช้แรงดันน้ำมันไฮดรอลิกดันลูกสูบให้ลิฟต์ยกตัวขึ้น

ข้อดี:
✅ เคลื่อนที่นุ่มนวลมาก
✅ เสียงเงียบ
✅ เหมาะกับบ้านที่มี Overhead ต่ำ
✅ ไม่ต้องมีห้องเครื่องด้านบน

ข้อจำกัด:
❌ ต้องมีพื้นที่สำหรับถังน้ำมันและชุดปั๊มแยก
❌ ต้องบำรุงรักษาระบบน้ำมันสม่ำเสมอ เช่น เปลี่ยนน้ำมัน, ตรวจรั่วซึม
❌ หากเกิดปัญหาระบบไฮดรอลิก มักต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
❌ ไม่เหมาะกับบ้านที่ใช้งานลิฟต์บ่อย หรือมีผู้สูงอายุใช้ลิฟต์ตลอดวัน

เหมาะสำหรับ: บ้านที่ต้องการความเงียบแต่ไม่เน้นใช้งานหนัก หรือมีข้อจำกัดด้านโครงสร้าง

🔹 3. Screw Drive Elevator – ระบบสกรูหมุน: ติดตั้งง่ายแต่ดูแลยาก

หลักการทำงาน:
ใช้มอเตอร์หมุนเกลียวโลหะ (สกรู) เพื่อยกห้องโดยสารขึ้นลงตามแกน

ข้อดี:
✅ ติดตั้งง่าย ไม่ต้องขุดหลุมหรือเสริมโครงสร้างมาก
✅ ไม่ต้องมีห้องเครื่อง
✅ ใช้พื้นที่น้อย เหมาะกับบ้านที่รีโนเวท

ข้อจำกัด:
❌ เสียงดังในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อสกรูเริ่มสึก
❌ ความเร็วต่ำกว่าแบบอื่น
❌ การบำรุงรักษายาก ต้องใช้ทีมเฉพาะทาง
❌ ราคาเครื่องสูงเมื่อเทียบกับฟังก์ชัน

เหมาะสำหรับ: บ้านขนาดเล็กที่มีพื้นที่จำกัดและใช้ลิฟต์น้อยครั้งต่อวัน